nuffnang

White Christmas [KiHae]

บทความนี้อาจจะมีฉาก อีโรติก บ้างนะฮะ โปรดใช้จินตนาการในการรับชม ถ้าไม่ชอบก็ปิดหน้านี้ซะ ก๊อปได้นะแต่ให้เครดิตด้วย

Title: White Christmas [Merry X’mas~ ^ ^]
Paring: Kibum x Donghae
Author: ~#DN_LoveR#~
Author Note: ฟิคเก่าเหมือนกัน เนื้อเรื่องเหมือนกันกับของคู่ยูซูนะคะ ^ ^ ขอให้มีความสุขกันทุกคนนะคะ~


+:+:+:+:+:+:+ White Christmas +:+:+:+:+:+:+




ชายหนุ่มร่างเล็กนั่งอยู่บนเตียงนุ่มภายในห้องนอนขนาดไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป ใบหน้ามนหันไปมองทิวทัศน์ภายนอกของค่ำคืนในฤดูหนาวผ่านหน้าต่างบานเล็กที่เริ่มจะมีฝ้าสีขาวเกาะจนมัวเพราะอากาศที่หนาวเย็น ร่างเล็กเปลี่ยนเป็นนั่งชันเข่า ใช้วงแขนของตัวเองโอบกอดขาเรียวของตัวเองไว้อย่างหลวม ๆ ราวกับต้องการไออุ่น

ดวงตากลมที่ดูติดจะเศร้าหมองอยู่เล็กน้อยทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย แสงไฟภายในเมืองยามค่ำคืนที่ดูสวยงามนั้นกลับไม่ได้ทำให้ร่างเล็กรู้สึกสดใสขึ้นแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มยังคงนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม จนกระทั่งเริ่มมีเกล็ดหิมะสีขาวที่ดูอ่อนนุ่มราวกับปุยนุ่นร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าที่มืดสนิทอย่างช้า ๆ

“หิมะ...เริ่มตกอีกแล้วสินะ...”

เสียงใสพูดกับตัวเองอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง นัยน์ตาสีนิลไหวระริกด้วยความรู้สึกต่าง ๆ ที่กำลังกัดกร่อนจิตใจของตัวเองทีละนิด เพียงแค่เขาเห็นกลุ่มหิมะที่พร้อมใจกันโปรยตัวเองให้ร่วงหล่นมาจากท้องฟ้านั่น...มันก็ทำให้เขาหวนคิดถึงใครคนหนึ่งที่เขาเฝ้าคิดถึงและรออยู่เสมอ

‘ก๊อก ๆ’

เสียงเคาะประตูที่ดังพอจะเรียกให้คนที่อยู่ภายในห้องนั้นได้สติ ใบหน้ามนหันไปมองที่ประตูห้องของตัวเองนิ่ง เขาไม่ได้ส่งเสียงตอบกลับไป แต่ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ด้านนอกก็รู้ตัวว่าเขานั้นอนุญาตให้เข้ามาภายในห้องของเขาได้ ประตูห้องนอนจึงถูกอีกฝ่ายเปิดออก

“ทงเฮ นาย...ยังไม่นอนอีกเหรอ?”

ซองมินเอ่ยถามอีกฝ่ายที่กำลังมองมาหาเขา คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบที่ซองมินพูดออกมา ทงเฮเลือกที่จะไม่ตอบออกไป เขาหันหน้ากลับไปยังตำแหน่งเดิมอีกครั้ง แหงนหน้าของตัวเองมองทิวทัศน์ภายนอกผ่านกระจกบานเล็กที่มีหิมะจำนวนหนึ่งเริ่มเกาะจนแทบจะบดบังภาพภายนอกไว้เสียหมดอีกครั้งหนึ่ง

“ซองมิน...วันนี้มีใครส่งของมาถึงฉันบ้างมั้ย?”

ทงเฮถามโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายหนึ่ง แต่น้ำเสียงที่ฟังดูสั่นเครือนั่นมันทำให้ซองมินพอจะรู้ได้ว่าทำไมทงเอถึงไม่หันมามองหน้าเขา ยิ่งนึกถึงภาพใบหน้าของร่างเล็กที่เขาเห็นตอนเดินเข้ามาภายในห้องเมื่อกี้นี่ ดวงตากลมโตสดใสที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง รวมกับคำถามที่ทงเฮถามเขานั่นอีก มันทำให้เขาเริ่มรู้สึกลำบากใจเหลือเกินที่จะต้องพูดความจริงออกไปให้เพื่อนรักได้รับรู้

“...ไม่มี...ไม่มีเลย”

คำตอบที่ได้รับมันเหมือนกับเป็นเข็มเล็ก ๆ นับหมื่นเล่มที่รุมแทงจิตใจที่บอบบางของทงเฮให้เจ็บลึก ฟันซี่เล็กกัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้แน่น มือเรียวจิกต้นขาของตัวเองแน่นโดยที่ไม่กลัวเจ็บแม้แต่น้อย รู้สึกเจ็บและจุกจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองนั่งนิ่งรับรู้ถึงความเจ็บปวดอันแสนสาหัสเพียงอย่างเดียว

“งั้นหรอ...”


...ปีนี้...ก็ไม่มีของขวัญมาอีกแล้วสินะ...

ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ทงเฮที่เจ็บปวดอยู่เพียงคนเดียว ซองมินที่พูดตอบไปนั้นก็เช่นกัน เขาไม่อยากจะให้เพื่อนรักของเขาต้องมานั่งซึมเศร้าอยู่แบบนี้ ไม่อยากให้เพื่อนรักที่สดใสร่าเริงของเขาต้องเปลี่ยนไปทุก ๆ ครั้งเมื่อถึงช่วงเทศกาลในฤดูหนาวแบบนี้ ขาเรียวเดินพาตัวเองไปนั่งลงบนเตียงนุ่ม ข้าง ๆ กันกับทงเฮที่กำลังนั่งชันเขาอยู่

ร่างอวบโอบกอดร่างของเพื่อนรักไว้อย่างหลวม ๆ ใบหน้าหวานซุกลงบนไหล่บางของอีกฝ่ายราวกับเป็นการให้กำลังใจ ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แต่สัมผัสอบอุ่นที่ทงเฮได้รับจากซองมินนั้น มันทำให้เขาอยากจะระบายความรู้สึกที่อัดอั้นออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“ซองมิน...”

“หืม?”

“ปีนี้...ฉันก็ไม่ได้ของขวัญอีกแล้วเนอะ...”

“......”

“...เค้าลืมฉันไปแล้วรึเปล่านะ?”

เสียงใสที่พูดอย่างสั่นเครือ ร่างเล็กที่ติดจะสั่นเล็ก ๆ ทำให้ซองมินกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบตากับอีกฝ่าย ที่ตอนนี้ดวงตากลมโตนั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำที่ก่อตัวกันจนแทบจะไหลลงอาบแก้มใสได้ในไม่ช้า

“ซองมิน...เค้าลืมฉันไปแล้วใช่มั้ย ฮึก...”

เสียงสะอื้นที่หลุดออกมาอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากเม้มแน่นจนกลายเป็นเส้นตรง หยาดน้ำใสไหลรินลงจากดวงตากลมโตลงมาอาบแก้มใสอย่างช้า ๆ ซองมินเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาสวยหรี่ลงด้วยความเจ็บปวดเช่นกัน แต่มันอาจจะเป็นความเจ็บปวดที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มือเรียวลูบเรือนผมนุ่มของเพื่อนรักอย่างปลอบประโลม ก่อนจะเลื่อนไปเช็ดน้ำตาที่อาบใบหน้าอีกฝ่ายให้ออกไปอย่างแผ่วเบา

“ทงเฮ เค้าไม่ได้ลืมนายหรอกนะ เค้าอาจจะ...ไม่ค่อยว่างนักน่ะ”

“ไม่ว่างหรอ?...สองปีแล้วนะซองมิน...สองปีที่ฉันนั้นเฝ้ารอเค้าอย่างไร้จุดหมายมาตลอดน่ะ”

ยิ่งพูดระบายความรู้สึกออกมามากเท่าไหร่ น้ำตามันก็ยิ่งถูกผลักดันให้ออกมาจากดวงตากลมโตใสมากเท่านั้น ทงเฮโผเข้ากอดซองมินไว้แน่น ซุกหน้าลงกับแผ่นอกบาง ปล่อยให้ตัวเองนั้นร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่มีการเอียงอาย เพราะเขารู้ดี ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนที่จะคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอคือเพื่อนรักที่ชื่อซองมินคนนี้ คนที่ไม่เคยปล่อยให้เขาอยู่เพียงลำพัง

“แต่นายก็ได้รับคำสัญญาจากเค้าแล้วไม่ใช่หรอทงเฮ?”

ซองมินยกยิ้มบางพร้อมกับมอบอ้อมกอดแสนอุ่นให้กับเพื่อนรักอีกครั้งหนึ่ง ร่างเล็กที่สะอื้นจนตัวโยนหันมามองใบหน้าของเพื่อนรักด้วยความสงสัย แต่ก็มีความรู้สึกอื่น ๆ แฝงไว้อีกมากมาย ร่างอวบยกยิ้มให้กับเพื่อนรัก ก่อนจะเริ่มเอ่ยต่อ

“ถ้านายรักเค้าจริง...นายจะไม่ลองเชื่อในคำสัญญาของเค้าดูหน่อยหรอ?”

ซองมินพูดพร้อมกับเอียงคอถามอีกฝ่ายอย่างน่ารัก ทงเฮไม่รู้ว่าเขาควรจะลองเชื่อในคำสัญญาของใครคนนั้นตามที่ซองมินบอกหรือไม่ รู้สึกว่าความรู้สึกต่าง ๆ ที่อยู่ข้างในมันตีกันมั่วไปหมด ราวกับมีคนสองคนกำลังโต้เถียงกันให้เขาเอนไปในทางใดทางหนึ่ง เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนนี้เขาควรจะเชื่อในความรู้สึกใดของตัวเองดี

“ฉัน...ฉัน...”

แต่เมื่อมองดูใบหน้าของเพื่อนรักที่กำลังส่งสายตามองมาราวกับหวังจะให้เขาทำตามคำพูดนั่น รวมกับความรู้สึกส่วนลึกของตัวเองแล้ว มันทำให้ความสับสนที่มีอยู่นั้นหายไปอย่างรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นบางเบาแม้มันจะดูเหมือนการฝืนยิ้มก็ตามที แต่รอยยิ้มเพียงแค่นั้น มันก็ทำให้ซองมินนั้นดีใจอย่างมากแล้วที่ได้เห็นเพื่อนรักกลับมายิ้มอีกครั้ง

“อื้ม...ฉันจะลองเชื่อดูก็ได้”

“มันต้องอย่างนั้นสิ~ อืม...แต่ตอนนี้มันดึกแล้ว นายควรจะเข้านอนได้แล้วนะทงเฮ”

ซองมินยกยิ้มน่ารักให้อีกฝ่ายราวกับเป็นการให้กำลังใจ ก่อนจะผลักร่างเล็กให้ลงไปนอนแหมะลงบนเตียงนุ่มอันแสนสบาย ทันทีที่หัวกลมสัมผัสกับหมอนใบประจำ ผ้านวมผืนใหญ่ก็ถูกเลื่อนมาคลุมร่างเล็กไว้จนมิดด้วยฝีมือของซองมิน ทงเฮส่งเสียงครางงอแงเพราะไม่อยากเข้านอนราวกับเด็กน้อย ร่างเล็กดิ้นเร้า ๆ ไปมาอย่างไม่พอใจ ที่จริงอยากจะลุกขึ้นมานั่งด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ตัวเองดีล่ะ ว่าสุดท้ายยังไงเขาก็ต้องทำตามคำสั่งของซองมินอยู่ดี

“มีนายอยู่ด้วยนี้ยังกับมีแม่อยู่ข้าง ๆ เลยแหะ”

ร่างเล็กพูดใส่อีกฝ่ายด้วยริมฝีปากเชิดเล็กน้อย ร่างอวบหัวเราะคิกคักกับคำพูดจิกกัดที่ได้รับ ก่อนที่มือเรียวเอื้อมไปหยิบตุ๊กตาปลานีโม่น่ารักขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่มาให้ทงเฮได้กอดเล่น

“ก็นายทำตัวเหมือนเด็ก ฉันก็เลยต้องเป็นแม่ที่คอยดูแลลูกชายน่ะสิ”

ริมฝีปากอิ่มประทับลงบนหน้าผากมนของคนที่นอนอยู่อย่างรวดเร็ว ทงเฮมองใบหน้าของเพื่อนรักด้วยความไม่พอใจที่โดนหาว่าเป็นเด็ก แก้มใสพองลมขึ้น แต่ถ้าหากสังเกตดี ๆ แล้ว ภายในแววตาที่เศร้าหมองในตอนแรกนั้นมันกลับเต็มไปด้วยความดีใจที่ถูกเก็บซ่อนไว้อยู่ลึก ๆ

แต่ถึงแม้ว่าความดีใจนั้นมันจะถูกเก็บซ่อนไว้ลึกเพียงใด คนที่เป็นเพื่อนกันกับทงเฮมานานอย่างซองมินมีหรือจะไม่รู้ ริมฝีปากอิ่มสีชมพูยกยิ้มกว้าง ก่อนจะพูดทิ้งท้ายไว้อีกสักหน่อยเพราะความเป็นห่วงเพื่อนรัก

“คืนนี้ก็อย่าเก็บเรื่องอะไรมาคิดมากก็แล้วกันนะ หลับฝันดีล่ะ”

ขาเรียวก้าวเดินพาตัวเองออกไปจากห้องนอนของทงเฮ และไม่ลืมที่จะปิดไฟภายในห้องนอนให้อีกฝ่ายได้เข้านอนได้อย่างมีความสุข ใบหน้าหวานหันไปมองภายในห้องนอนที่มืดสลัวอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนประตูบานเล็กให้ปิดลงบดบังภาพภายในห้องนั่น

แม้ว่าแสงไฟภายในห้องนั้นจะหมดไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีแสงไฟจากภายนอกที่ลอดผ่านกระจกบานเล็กเข้ามาเล็กน้อย ร่างเล็กเลือกที่จะเปิดดวงตากลมโตขึ้นท่ามกลางความมืด เหม่อมองไปที่ปุยหิมะสีขาวที่พากันร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้า ๆ ด้วยความโหยหาและความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นอยู่ภายในใจของตน

ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เขาก็ได้รับกำลังใจจากซองมินไปแล้ว และก็สัญญากับซองมินไว้แล้วด้วย ว่าจะเชื่อมั่นในคำสัญญา แต่เมื่อหันกลับมามองสภาพของตัวเองในตอนนี้ จิตใจที่บอบบางเหมือนกับแก้วใบหนึ่งนั้นกำลังเกิดรอยร้าวมากขึ้นทุกที แม้ว่าจะสั่งให้ตัวเองไม่ให้คิดถึงคน ๆ นั้น แต่ยิ่งห้าม ภาพใบหน้าที่แสนคิดถึงนั้นกลับลอยขึ้นมาซ้อนทับกับภาพตรงหน้าราวกับจะตอกย้ำให้ตัวเองนั้นเจ็บช้ำมากกว่าเดิม ทงเฮกอดตุ๊กตานีโม่ตัวโปรดไว้แน่น ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรงด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่กำลังรุมเล่นงานเขาอยู่

...ทั้ง ๆ ที่ฉันห่มผ้าหนาขนาดนี้...

...ทั้ง ๆ ที่ภายในห้องของฉันมันก็ไม่ได้หนาวอะไรมากมาย...

...แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกหนาวมากขนาดนี้นะ?...

...หนาว...หนาวจนน้ำตามันพาลจะไหลออกมา...


“กลับมาสักทีได้มั้ย...ช่วยกลับมากอดฉันสักครั้งได้มั้ย...”

ทงเฮแนบริมฝีปากบางลงบนตุ๊กตาในอ้อมกอด ตุ๊กตาที่เขาได้รับเป็นของขวัญเมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนนี้มันอาจจะเหมือนกับเป็นของต่างหน้าสำหรับเขาคนนั้นไปแล้วก็ได้ ดวงตากลมที่รื่นไปด้วยหยาดน้ำใสที่ไม่รู้ว่ามันพากันออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวัน

สักพักหนึ่ง เปลือกตาบางเลื่อนลงบดบังดวงตากลมโตให้เห็นแต่เพียงความมืดมิด ทงเฮเลือกที่จะหยุดไม่ให้ตัวเองนั้นคิดอะไรฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้อีกแล้ว ตอนนี้เขาควรที่จะเก็บความรู้สึกต่าง ๆ ให้มันอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้เขาว้าวุ่นใจนัก วงแขนเล็กกอดตุ๊กตาโลมาไว้แน่น พยายามจะข่มตาหลับ แม้ว่าเขาจะรู้ว่ากว่าเขาจะเข้าสู่ห้วงนิทราได้ มันก็คงจะเป็นช่วงเวลาเกือบเช้าก็ตามที


“เมื่อไหร่นายจะกลับมาหาฉันสักทีล่ะ...คิบอม”


+:+:+:+:+:+:+ White Christmas +:+:+:+:+:+:+


“...เฮ...ทงเฮ!...ทงเฮ!!”

“หืม...?”

เปลือกตาบางค่อย ๆ ปรือขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ทันทีที่แสงนั้นส่องมาในดวงตา มันทำให้ทงเฮต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย และกระพริบตาถี่เพื่อปรับสภาพการมอง เสียงที่แสนคุ้นเคยกำลังดังอยู่ไม่ไกลจากเขานัก ภาพใบหน้าของอีกคนหนึ่งที่เลือนรางเริ่มชัดขึ้นตามลำดับ และทันทีที่เขาเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจน ทงเฮก็ค่อย ๆ ดันให้ตัวเองลุกขึ้นนั่งบนเตียงนุ่มอย่างช้า ๆ

“งื้อ...มีอะไรหรอซองมิน...จะรีบปลุกฉันทำไมเนี่ย~?”

ทงเฮโวยวายด้วยน้ำเสียงงัวเงียเมื่อหันไปเห็นนาฬิกาที่เข็มสั้นเพิ่งจะชี้อยู่ที่เลขหก ริมฝีปากงอนเชิดขึ้นอย่างไม่พอใจที่โดนขัดจังหวะการนอนอันแสนสุข ใบหน้ามนที่ยับย่นและทรงผมที่เด้งไม่เป็นทรง บวกกับท่าทางงอน ๆ แบบนั้น มันทำให้ซองมินนั้นหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับความน่ารักน่าหยิกของเพื่อนตัวเอง

“วันนี้วันคริสมาสต์แล้วนะ นายก็รู้นี่ว่าวันเทศกาลลูกค้าจะสั่งซื้อเค้กกันเยอะเป็นพิเศษ ฉันเลยจะมาลากนายไปเป็นลูกมือฉันนี่ไง”

เมื่อซองมินอธิบายเหตุผลเสร็จเรียบร้อย ทงเฮก็บิดตัวซ้ายขวาไปมาอย่างไม่พอใจ ดวงตากลมปรือเล็กน้อยเพราะความงัวเงียที่ยังสะสมอยู่ ริมฝีปากบางงอนเชิด บ่นพึมพำอะไรสักอย่างที่เบาเสียจนซองมินจับใจความไม่ได้ แต่ขาเรียวนั้นกลับเลื่อนลงจากเตียงนุ่ม ก่อนจะพาตัวเองไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับกางเกงตัวเก่ง และเดินลากขาออกไปนอกห้องเพื่อไปห้องน้ำอย่างเอื่อย ๆ

ร่างอวบหัวเราะคิกคักทันทีที่เพื่อนรักเดินออกไปจากห้องด้วยท่าทางที่เหมือนกับผีตายซาก ถึงจะทำเป็นบ่น แต่สุดท้ายทงเฮก็มักจะมาช่วยเขาทำเค้กในช่วงเทศกาลคริสมาสต์เสียทุกทีนั่นล่ะ

“คิก ๆ เพื่อนใครกันนะ น่ารักน่าหยิกซะจริง”

ซองมินบ่นยิ้ม ๆ ก่อนจะจัดการเก็บที่นอนของเพื่อนรักให้เสร็จเรียบร้อย ขาเรียวเดินพาตัวเองลงมายังห้องครัวที่อยู่ชั้นล่าง อุปกรณ์และวัตถุดิบที่ใช้สำหรับในการทำขนมหวานจำนวนมากถูกนำมาวางไว้ตรงโต๊ะขนาดใหญ่กลางห้องครัว เป็นเวลานานพอสมควรเหมือนกันที่ซองมินจะต้องจัดสรรวัตถุดิบต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับขนมหวานแต่ละชนิด

หลังจากที่ซองมินใช้เวลาไปสำหรับการเตรียมของ ไม่นานนัก ร่างเล็กที่ยิ้มร่าเริงสดใสก็วิ่งถลาเข้ามาในห้องครัวอย่างรวดเร็ว กลิ่นสบู่และแชมพูอ่อน ๆ หลังอาบน้ำเสร็จนั้นทำให้ความน่ารักและความน่าดึงดูดในตัวทงเฮนั้นเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

“มาแล้ว~ ซองมินรอนานมั้ยเนี่ย”

“ไม่หรอก ฮ้า~ ตัวนายหอมชะมัดเลยอ่ะ~”

“เฮ้ย ๆ ซองมิน นายจะทำอะไรฉันน่ะ...ปล๊อยย~~!”

ร่างอวบโผตัวเข้ากอดเพื่อนรักแน่นอย่างรักใคร่ จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเพื่อนรักด้วยความสดชื่น ทั้ง ๆ ที่ทงเฮนั้นพยายามผลักและแกะวงแขนของอีกฝ่ายให้ออกไปอยางสุดชีวิต เพราะเวลาที่จมูกของซองมินมาโดนเฉียด ๆ แถวต้นคอทีไร เขาก็รู้สึกจั๊กจี๋เสียจนต้องหัวเราะลั่นไปเสียทุกที

ทั้งสองหยอกเล่นกันอยู่อีกสักพักหนึ่ง ก็เริ่มหันมาทำขนมหวานที่จะขายสำหรับวันเทศกาลอันแสนสุขในวันนี้ สำหรับซองมินแล้ว การทำขนมหวานนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะความถนัดและความชอบส่วนตัวที่เขามี แต่สำหรับทงเฮนั้น ฝีมือการทำขนมของเขามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แต่ส่วนใหญ่แล้วเขามักจะหยิบส่วนผสมต่าง ๆ มาใส่ผิดอันบ่อยเสียจนซองมินนั้นยังต้องกุมขมับ

“ทงเฮ๊~! นั้นมันเกลือนะ! นายจะหยิบมันมาทำไมเนี่ย~!!”

“เหะ? อ้าวหรอ? แหะ ๆ ๆ ก็ฉันนึกว่ามันเป็นน้ำตาลอ่ะ~”

การทำขนมหวานนั้นถึงแม้ว่าจะมีการผิดพลาดไปบ้าง แต่มันก็ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองนั้นถูกฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มที่แสนสดใส เวลาที่ผ่านไปหลายชั่วโมง เช่นเดียวกันกับจำนวนขนมเค้กหน้าตาน่าทานมากมายหลายชิ้นถูกนำมาวางเรียงโชว์อยู่ที่ตู้กระจกใสภายในร้านขนมหวานเล็ก ๆ ของซองมินและทงเฮ


“ทงเฮ เปิดร้านเลยละกัน ฉันว่าป่านนี้ลูกค้าก็เริ่มมารอแล้วล่ะ”

ซองมินพูดในขณะที่ตัวเองนั้นกำลังยืนล้างมืออยู่ ทงเฮพยักหน้ารับ พลางเดินไปเปิดประตูร้านที่มีเสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งเป็นสัญญาณบอกว่ามีคนเข้าหรือออกจากร้าน และทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ดวงตากลมก็เห็นลูกค้าจำนวนหนึ่งนั้นกำลังยืนรออยู่หน้าร้านตามคำที่ซองมินพูดจริง ๆ ทงเฮจึงรีบยกยิ้มและพูดเชิญให้ลูกค้าเข้าไปด้านในร้าน พร้อมกับหมุนป้ายที่แขวนอยู่หน้าประตูให้เป็นคำว่าเปิดบริการเพื่อให้ลูกค้าคนอื่น ๆ นั้นทยอยเข้ามากันในร้านเรื่อย ๆ

ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลาช่วงสาย แต่ผู้คนมากหน้าหลายตาก็เริ่มทยอยเข้ามาภายในตัวร้านมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ามีลูกค้าเพียงแค่ในร้าน ทงเฮกับซองมินนั้นคงจะไม่ต้องเหนื่อยอะไรมากมาย แต่พอเข้าช่วงเทศกาลแบบนี้ โทรศัพท์ประจำร้านนั้นแทบจะไม่ได้หยุดส่งเสียงเลยแม้แต่ช่วงนาที ลูกค้าที่โทรมาสั่งเค้กไว้ให้ไปส่งที่บ้านนั้นก็มีจำนวนมากพอสมควร จนซองมินกับทงเฮนั้นแทบจะทำงานกันไม่ทันเลยทีเดียว

“เค้กช็อกโกแลตได้แล้วนะครับ~”

“จะรับอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ?”

“พี่คะ~ ขอเค้กแบบเดิมเพิ่มอีกที่ค่ะ”

เสียงลูกค้ากับเสียงของสองชายหนุ่มเจ้าของร้านดังแข่งกันไปมา ซองมินเดินไปบริการลูกค้าที่มาซื้อเค้กกลับไปกินที่บ้านบริเวณแคชเชียร์ ส่วนทงเฮก็เดินเสิร์ฟเค้กและของหวานอย่างอื่นให้กับลูกค้าจนขาแทบจะพันกัน สลับกับบางทีที่เขาต้องเอาเค้กไปส่งที่บ้านของลูกค้า และซองมินก็จะเป็นคนทำต่อเอง การทำงานในช่วงวันเทศกาลนั้นมันหนักหนาเหมือนเช่นทุกปี แต่ถ้าแลกกับรายได้ที่จะได้รับตอบแทน ซองมินและทงเฮก็ยอมที่จะเหนื่อยหนักล่ะนะ

เนื่องจากทั้งสองนั้นทุ่มเทไปกับการทำงาน ทำให้เวลาในวันนี้ผ่านไปเร็วราวกับเรื่องโกหก ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเย็นแล้ว หลังจากที่เขาทั้งสองต้องทุ่มเทแรงกายไปกับการทำงานในวันนี้ ลูกค้าภายในร้านนั้นเริ่มซาลงไปเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่ามากอยู่พอสมควร ซองมินรับออเดอร์จากลูกค้าทางโทรศัพท์หลายสาย และเมื่อลูกค้าสายนี้พูดเสร็จเรียบร้อย ซองมินก็กล่าวสวัสดีก่อนจะวางโทรศัพท์เครื่องประจำลงอย่างเบามือ

“ทงเฮ มานี่หน่อย ๆ”

ซองมินพูดพร้อมกับกวักมือเรียก ทงเฮที่เพิ่งคิดเงินลูกค้าเสร็จเดินมาหาพลางเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม แต่ความสงสัยก็ต้องหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถุงขนาดค่อนข้างใหญ่ถูกยื่นมาต่อหน้าเขา พร้อมกับรอยยิ้มหวานของเพื่อนรักที่เขาดูแล้วรู้สึกสยองพิลึก

“ฉันเขียนที่อยู่ พร้อมกับกำหนดเวลาการส่งขนมของลูกค้าแต่ละคนไว้แล้ว นายเอาไปส่งให้หน่อยนะ”

“ห๊ะ!? หมดนี่เนี่ยนะ!!”

“ก็ใช่น่ะสิ พอส่งเสร็จ ถ้านายอยากไปเดินเล่นหรือไปไหนก็ตามสบาย เดี๋ยวที่ร้านฉันดูแลเอง”

ทงเฮถอนหายใจพรืด แต่มือเรียวก็ยื่นไปรับถุงจากมืออีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้เถียงอะไร ซองมินยกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันไปหยิบเสื้อโค้ตและผ้าพันคอถักที่เขาเป็นคนทำไปใส่ให้เพื่อนรักอย่างอ่อนโยน

“ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว ใส่แบบนี้แหละ จะได้อุ่น ๆ”

มือเรียวที่เพิ่งพันผ้าคอปิดบังลำคอเรียวขาวของทงเฮเสร็จ ตบลงบนไหล่เพื่อนรักเบา ๆ สองทีพร้อมกับยกยิ้มให้ ทงเฮหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปพลักประตูร้านและพาตัวเองออกไปภายนอก ซองมินยืนมองแผ่นหลังของเพื่อนจนกระทั่งเสียงของกระดิ่งที่ประตูนั้นเงียบลง ร่างอวบจึงเริ่มหันไปทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ต่ออีกครั้ง...


+:+:+:+:+:+:+ White Christmas +:+:+:+:+:+:+


“ขอให้ทานให้อร่อยนะครับ Merry Christmas นะครับ”

ทงเฮพูดทิ้งท้ายกับลูกค้าเสียงนุ่มด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนเช่นเคย ก่อนจะผละตัวออกมาและเดินไปส่งขนมที่บ้านลูกค้าคนอื่นต่อ ขนมหวานมากมายหลายชิ้นที่ถูกใส่มาในถุง ตอนนี้เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้น ร่างเล็กเดินไปส่งขนมได้ทันตามกำหนดเวลาของลูกค้าทันทุกครั้ง ซึ่งทำให้ลูกค้านั้นดูจะพึงพอใจกับการบริการของร้านของเขาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ฮ้า~ ชิ้นสุดท้ายแล้ว ๆ”

ร่างเล็กพูดอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าเหลือกล่องเค้กอยู่ภายในถุงอีกเพียงกล่องเดียว มือเรียวรีบหยิบที่อยู่ของลูกค้าและกำหนดเวลาการส่งที่ซองมินเขียนไว้ให้ขึ้นมาดูอย่างรวดเร็ว ในกระดาษบอกไว้ว่าต้องส่งก่อนหกโมงเย็น ดวงตากลมก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ซึ่งตอนนี้เพิ่งจะบอกเวลาสี่โมงกว่า ๆ ทงเฮจึงค่อย ๆ เดินไปยังที่อยู่ของลูกค้าอย่างช้า ๆ

ระหว่างทางเดิน ดวงตากลมหันไปเห็นสวนสาธารณะเล็ก ๆ ที่เป็นที่นิยมแห่งหนึ่ง เพียงแค่ได้เห็น ดวงตากลมนั้นก็วูบไหวด้วยความรู้สึกเจ็บที่หน้าอกด้านซ้ายที่แล่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ขาเรียวหยุดนิ่ง ปล่อยให้ตัวเองยืนมองสถานที่ตรงนั้นอยู่อย่างเงียบ ๆ

...เราไม่ได้มาที่นี่...นานขนาดไหนแล้วนะ?...

นาฬิกาที่ยังบอกเวลาสี่โมงกว่านั้น ทำให้ทงเฮตัดสินใจที่จะเดินเข้ายังตัวสวนสาธารณะเพื่อฆ่าเวลาเล่น ขาเรียวก้าวเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ ใบหน้ามนก้มลงมองปลายเท้าของตัวเองที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้า ริมฝีปากบางที่เป่าลมออกมาเบา ๆ เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับตัวเองนั้น ทำให้มีไอสีขาวขุ่นลอยขึ้นมาบริเวณใบหน้ามน

ร่างเล็กหย่อนตัวลงนั่งบนม้านั่งยาวตัวหนึ่ง ถุงใส่กล่องเค้กถูกวางไว้ข้าง ๆ ก่อนที่แผ่นหลังบางจะเอนไปพิงกับพนัก ดวงตากลมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ มองบรรยากาศของสถานที่ที่คุ้นเคยแต่เขาไม่ได้มาเสียนาน ภาพของครอบครัวที่เดินจูงมือกันเดินเล่นด้วยรอยยิ้ม และคู่รักที่เดินกอดแขนกันอย่างอบอุ่น สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักนั้นมันแสดงออกมาจนคนอื่นอย่างเช่นเขานั้นก็รับรู้ได้ถึงความรักนั่น

ภาพนั้นมันทำให้ก้อนเนื้อภายในอกซ้ายของร่างเล็กบีบรัดแน่นจนเจ็บไปหมด ริมฝีปากบางยกยิ้มที่ดูขมขื่นขึ้นมาบางเบา เพียงแค่ได้เห็นภาพคู่รักเค้าเดินกัน ภาพของคิบอมนั้นมันกลับซ้อนทับขึ้นมาเสียอย่างนั้น ยิ่งรู้ว่าตัวเองนั้นคิดถึงอีกฝ่ายมากจนถึงเพียงนี้ มันก็ทำให้ทงเฮได้แต่หัวเราะเยาะสมเพชตัวเอง แต่อีกใจนั้นมันกลับให้กำลังใจตัวเองอยู่ลึก ๆ

...ฉันมันคงจะเป็นบ้าไปแล้วละมั้ง...

...ยอมที่จะรอใครสักคน...คนที่หายหน้าไปเป็นปี...

...รอคนที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่...


...แต่...คิบอมสัญญาแล้วนี่...

...คิบอมต้องกลับมา...คิบอมต้องกลับมาแน่ ๆ...

...มันคงจะเป็นแบบนั้นใช่มั้ย?...

หยาดน้ำใสไหลลงอาบแก้มเนียนอย่างช้า ๆ ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงหยดน้ำอุ่นที่ไหลลงมาจากดวงตาของตัวเอง หลังมือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกไปอยางลวก ๆ ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะความเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจ

ดวงตากลมที่ยังมองไปรอบ ๆ สวนเล็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ภาพความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นในอดีตนั้นมันกลับลอยขึ้นมาหลอกหลอนเขาเสียทุกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ตัวอยู่แล้ว ว่าถ้าเดินเข้ามาที่นี่ สุดท้ายมันก็มีแต่จะทำให้ตัวเองนั้นเจ็บปวดทุกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าทำไมขาสองข้างนี้มันกลับพาให้ตัวเองต้องมาหยุดนั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวตัวเดิมนี้เสียทุกครั้งไป

...เพียงแค่มาหยุดนั่งอยู่ที่ตรงนี้...

...ความทรงจำเมื่อยามแรกพบมันกลับลอยขึ้นมาราวกับจะตอกย้ำให้เจ็บปวดมากขึ้นทุกที ๆ...


“ฉันจะกลับไปอยู่ในช่วงเวลานั้นอีกสักครั้งได้มั้ยนะ?...”

ร่างเล็กพูดบ่นกับตัวเอง เปลือกตาบางค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ ปล่อยให้ตัวเองนั้นจมดิ่งอยู่กับความเจ็บปวด และหวนนึกถึงภาพความสุขในอดีตที่เคยผ่านพ้นมา...



......
....
...
..
.
.



ชายหนุ่มร่างเล็กในชุดเสื้อโค้ทสีเข้มตัวใหญ่ เดินเอื่อย ๆ พาตัวเองมาหยุดนั่งลงที่ม้านั่งยาวตัวหนึ่ง ริมฝีปากบางเป่าลมออกมาเบา ๆ แก้มใสพองขึ้นเล็กน้อย ลมที่เป่านั้นทำให้เกิดไอสีขาวขุ่นขึ้นมาจาง ๆ มือเรียวยกขึ้นมาถูกันไปมาเพื่อให้ความอบอุ่น ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาอังที่ปาก และเป่าลมเบา ๆ เพื่อขจัดความหนาวเย็นที่ดูจะมีมากขึ้นทุกที

มันเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว ที่พอถึงช่วงค่ำทีไร ทงเฮก็ต้องมานั่งเล่นอยู่ตรงสวนสาธารณะแห่งนี้ทุกวัน ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางคืน ผู้คนบางส่วนก็ยังคงมานั่งและเดินเล่นอยู่กันบางส่วน ดวงตากลมมองไปรอบ ๆ ภาพการกระทำของผู้คนที่แสนอบอุ่นที่เขาคุ้นเคยนั้นมันยังคงเรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากสีชมพูได้เสมอ

แต่สิ่งที่จะทำให้เขานั้นต้องมานั่งอยู่ที่ตรงนี้ทุก ๆ ค่ำมันไม่ใช่ภาพที่แสนอบอุ่นนั่นหรอก ดวงตากลมโตหันมองไปรอบ ๆ สอดส่องหาใครบางคนราวกับกำลังรอนัด ทงเฮก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้ว น่าจะใกล้เวลาที่ใครคนนั้นมาถึงได้แล้วล่ะนะ

“อ๊ะ...”

และก็เป็นอย่างที่ทงเฮคิด ไม่นานนัก ก็มีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่สวมชุดไม่ต่างจากเขาเท่าไรนัก ต่างเพียงแค่อีกฝ่ายนั้นมีพันคอพันรอบคอเรียวเพื่อสร้างความอบอุ่น ขาเรียวเดินเข้ามาพร้อมกับกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่อยู่ภายในมือ ร่างสูงเดินถ่ายรูปบรรยากาศภายในสวนสาธารณะขนาดเล็กที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม นอกจากนั้นภาพของคู่รักนั้นมันทำให้บรรยากาศภายในที่แห่งนี้นั้นดีขึ้นอีกหลายเท่า ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นมุมที่เหมาะ ก่อนจะยกกล้องขึ้นมา และจัดการเก็บภาพนั้นไว้เป็นความทรงจำที่สวยงามของตัวเอง

ทงเฮที่นั่งมองภาพของร่างสูงยกยิ้มขึ้นอย่างเผลอตัว เพียงแค่เขาได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย มันก็ทำให้เขาอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่แอบมองนั่นล่ะ ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนห้องเดียวกันกับคิบอม แต่เขากับคิบอมนั้นกลับไม่เคยมีโอกาสได้คุยกันเลยสักครั้ง

...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงสนใจคิบอมนัก...

...แต่ตอนที่ได้เห็นอีกฝ่ายครั้งแรก...ใจมันก็เต้นแรงเสียจนเจ็บไปหมด...

...อยากจะเข้าไปคุย...แต่ตัวเองนั้นก็ไม่กล้าพอ...

...ฉันควรจะทำยังไงดีนะ?...

แต่ความคิดฟุ้งซ่านนั้นก็ต้องดับวูบไปทันที เมื่อจู่ ๆ ก็มีแสงแฟลชส่องเข้ามากระทบดวงตากลม เปลือกตาบางปิดแน่นและร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ ดวงตากลมค่อย ๆ ถูกเปิดเผยขึ้นอย่างช้า ๆ เพื่อที่จะมองหาตัวการที่ทำให้เขาตกใจเมื่อตะกี้ แต่เมื่อดวงตากลมมองเห็นภาพตัวการชัด ๆ มันทำให้ร่างเล็กนั้นต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“มีความสุขจังเลยนะทงเฮ ดูสิ ยิ้มกว้างซะน่ารักเชียว”

คิบอมผู้เป็นตัวการพูดให้พร้อมกับรอยยิ้มประจำตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำแบบนั้นมันแทบจะหยุดลมหายใจของอีกคนได้เลยทีเดียว ร่างเล็กรู้สึกเหมือนกับตัวเองนั้นถูกตรึงไว้ จะขยับส่วนไหนมันก็ดูจะยากและติดขัดไปเสียหมด ใบหน้ามนก้มงุดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นยังคงยิ้มมาทางเขา รู้สึกใบหน้าของตัวเองนั้นร้อนผ่าวจนอยากจะวิ่งหนีไปจากที่ตรงนี้ซะตอนนี้เลย แล้วยิ่งคำพูดที่ชมเขาเมื่อตะกี้นี้มันดังก้องอยู่ในโสตประสาทอีก ก้อนเนื้อในอกซ้ายนั้นก็เต้นระรัวจนเจ็บไปหมด

คิบอมจัดการหย่อนตัวลงนั่งข้างอีกฝ่ายโดยไม่ได้ขออนุญาต ร่างเล็กขยับออกห่างเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ใกล้ตน ไม่ใช่ว่ารังเกียจ แต่พอได้อยู่ใกล้กับร่างสูง รู้สึกตัวเองทำอะไรไม่ค่อยถูก ทำอะไรก็ดูจะเงอะงะไปหมด ผิดกับอีกฝ่าย ที่ดูมีท่าทีสบาย ๆ และสดใสอยู่ตลอดเวลา

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

ประโยคลอย ๆ ที่แฝงความเป็นห่วงดังออกมาจากริมฝีปากอิ่ม ทงเฮส่ายหัวไปมาอย่างแรงเป็นการตอบ ใบหน้ามนหันหน้าหนีไปอีกทาง ตอนนี้ทั้งดีใจ ทั้งเขิน ทั้งตื่นเต้น ตีกันมั่วไปหมด ท่าทางที่แสดงถึงความประหม่าอย่างชัดเจนนั้นมันทำให้คิบอมหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่มันทำให้ทงเฮต้องหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

“หัวเราะอะไรน่ะ?”

“ก็หัวเราะนายไง”

“หัวเราะฉันเนี่ยนะ? ฉันทำอะไรให้น่าขำหรอ?”

“ก็ดูสิ แค่ฉันมานั่งด้วย จะเขินอะไรนักก็ไม่รู้”

คำพูดตรง ๆ ของคิบอมมันยิ่งทำให้ใบหน้ามนนั้นซับสีระเรื่อมากกว่าเดิม ใบหน้ามนก้มงุด ไม่กล้าที่จะสบตาเรียวของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่า แต่ทันทีที่เขาเห็นดวงตาคู่นั้น เขารู้สึกว่าภายในนั้นมันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่เขาเองก็บรรยายไม่ได้เหมือนกัน

“แต่...มันก็ดูน่ารักดีนะ”

ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจกับคำพูดนั่น เป็นอีกครั้งที่ทงเฮต้องมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความงงงัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้รับคำชมแบบนั้นจากร่างสูง คิบอมทำเพียงแค่ยกยิ้มบางตามแบบฉบับของตัวเองเป็นการตอบกลับ ทงเฮสบตากับร่างสูงครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ต้องลงท้ายด้วยการหันหน้าหนีไปอีกครั้ง

ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก คิบอมนั่งผิวปากฮัมเพลงอย่างสบายใจ ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มอย่างมีความสุข ทงเฮนั่งหันหน้าหนีไปอีกทาง แต่สายตาก็แอบเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมนั้นอยู่บ่อย ๆ โดยที่ตัวเองนั้นไม่รู้เลยว่า อีกฝ่ายนั้นมองเห็นการกระทำทุกอย่างของตนอย่างชัดเจน และรอยยิ้มที่เกิดขึ้นบนใบหน้าคมนั่น ก็เป็นเพราะท่าทางที่ดูใสซื่อของทงเฮนั่นล่ะ

“ทงเฮ”

“หืม?”

“ทำไมนายถึงชอบมานั่งที่สวนสาธารณะนี่ล่ะ?”

คำถามทั่ว ๆ ไปที่ดูไม่มีพิษภัยอะไร แต่มันกลับเป็นสิ่งที่ตอบได้ยากเหลือเกินสำหรับอีทงเฮ ความจริงเขาก็ไม่ได้ชอบสวนสาธารณะนี้มากมายอะไรจนขนาดว่าให้สถานที่นี้เป็นสถานที่พิเศษ แต่เป็นเพราะเขานั้นอยากจะเจอใครบางคนที่ทำให้ใจของเขานั้นเต้นระรัว และโหยหาอยู่เกือบตลอดเวลา

...จะให้ตอบไปว่าชอบมาที่นี่เพราะอยากเจอนายรึไง?...

...ขืนบอกไป...สงสัยคงจะโดนคิบอมเกลียดแน่เลยแหะ...


“เอ่อ...”

“ว่าไงล่ะ?”

“ฉัน...ชอบหิมะน่ะ”

“หิมะหรอ?” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“อื้ม ช่วงฤดูหนาวฉันจะมานั่งอยู่แถวนี้แหละ เพราะฉันอยากจะเห็นหิมะที่นี่ มันสวยมาก ๆ เลยนะรู้มั้ย”

คำตอบที่ทงเฮเพิ่งจะคิดออกถูกพูดออกมาอย่างไม่มีติดขัด อาจจะเพราะความชอบหิมะที่มีอยู่แล้วละมั้ง ที่ทำให้การตอบคำถามครั้งนี้ดูไม่มีพิรุธนัก คิบอมที่ได้ฟังคำตอบก็พยักหน้าหงึกหงักเป็นการบอกถึงความเข้าใจในคำตอบนั่น

“อ๊ะ...”

ไม่ทันไร ท้องฟ้าเบื้องบนที่มืดสนิทก็เริ่มสร้างความสวยงามให้กับผืนโลก ด้วยการปล่อยให้หิมะสีขาวบริสุทธิ์ร่วงหล่นมาอย่างช้า ๆ ริมฝีปากบางยกยิ้มกว้าง ทันทีที่ได้เห็นหิมะที่ตนชอบ ความเขินอายที่มีอยู่เมื่อครู่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

คิบอมมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ถูกฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ มันอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก หากเขาบอกว่าสายตาของเขาเขาถูกรอยยิ้มของคนที่เพิ่งจะมีโอกาสได้คุยกันนั้นตรึงไว้ รอยยิ้มที่ดูบริสุทธิ์และมีเสน่ห์อย่างประหลาด จนเขาไม่อยากจะให้รอยยิ้มนั่นเลือนหายไปเลยแม้สักครั้ง

ทงเฮสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อผ้าพันคอผืนหนาจากร่างสูงถูกนำมาพันไว้ที่รอบคอของเขาโดยฝีมือของผู้เป็นเจ้าของ ใบหน้ามนซับสีระเรื่อเล็กน้อยเพราะใบหน้าคมที่อยู่ใกล้กันกับใบหน้าของเขามาก เมื่อคิบอมจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทงเฮก็ได้แต่ส่งสายตาแสดงความสงสัยในท่าทีของอีกฝ่ายเพียงแค่นั้น

“ตอนนี้อากาศหนาวกว่าเดิมแล้วนะ นายเอาไปใช้เถอะ”

“เอ่อ...แต่ว่า...”

“ไม่เป็นไรหรอก นายเอาไปใช้เถอะ”

ร่างเล็กที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่กล้าปฏิเสธอะไรอีก มือเรียวกระชับผ้าพันคอให้แน่นขึ้น รู้สึกร่างกายนั้นอบอุ่นขึ้นอีกมากโข แต่อาจจะเพราะความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมอบมาให้เมื่อกี้นี่ ทำให้เขารู้สึกว่ามันอบอุ่นเสียจนใจพองโตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พรุ่งนี้...ทงเฮมาเจอฉันที่นี่อีกได้มั้ย?”

ร่างสูงเอ่ยถามเสียงนุ่ม ดวงตากลมหันไปสบตากับอีกฝ่าย ดวงตาคมนั้นเต็มไปด้วยความหวังเล็ก ๆ แฝงอยู่มากมาย ท่าทางแบบนั้นทำให้ทงเฮต้องยกยิ้มบางเบาออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“อื้ม ได้สิ”

คิบอมยกยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ทงเฮมองแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายก่อนจะก้มหน้างุด เขานั่งอยู่กับคิบอมมานานพอสมควร ตอนนี้ก็คงจะถึงเวลาที่คิบอมจะกลับบ้านได้แล้ว

แต่ใบหน้ามนก็ต้องเงยขึ้นมา เนื่องจากมือเรียวของอีกฝ่ายนั้นยื่นมาหาตรงหน้าเขา ดวงตากลมมองฝ่ามือเรียวก่อนจะช้อนตาขึ้นมองใบหน้าอีกฝ่ายที่ถูกฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มบาง

“มาสิ เดี๋ยวฉันพาไปส่งที่บ้าน”

หัวใจดวงน้อยพองโตขึ้นอย่างช้า ๆ แม้คำพูดจะไม่ได้ไพเราะอะไรมากมาย แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกอบอุ่นได้อย่างประหลาด ฝ่ามือบางวางทาบทับลงกับมืออีกฝ่าย คิบอมกระชับมือให้แน่นขึ้น ทำให้ทงเฮต้องก้มหน้างุดอย่างเขินอาย ระหว่างทางเดิน ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย นอกจากทงเฮที่คอยบอกทางกลับบ้านตนให้คิบอมฟังเป็นระยะ ๆ

...มันจะเป็นการขอร้องที่มากเกินไปมั้ย...

...ที่ฉันอยากจะให้ช่วงเวลาในตอนนี้มันหยุดนิ่ง...

...ให้ช่วงเวลาที่ฉันได้อยู่กับคิบอมมันหยุดอยู่แบบนี้...

...มันจะเป็นไปได้มั้ยนะ?...


+:+:+:+:+:+:+ White Christmas +:+:+:+:+:+:+


“คิบอม~ โทษนะ รอนานรึเปล่า?”

เสียงใสตะโกนเรียกชายหนุ่มอีกคนที่กำลังยืนรอเขาอยู่ที่หน้าสวนสาธารณะ ใบหน้าคมหันมามองตามทางเสียงที่เรียกชื่อของตน เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ทัก ริมฝีปากอิ่มก็ยกยิ้มขึ้นบางเบา พลางส่ายหน้าเป็นการตอบคำถามเมื่อกี้นี้

“ฉันเพิ่งมาไม่นาน”

“ฮ้า~ โล่งอก ฉันนึกว่านายมานานแล้วซะอีก”

“ฮะ ๆ ช่างมันเถอะ วันนี้ไปเดินเล่นกับฉันได้มั้ย?”

เสียงทุ้มถามออกมาพลางเลิกคิ้วขึ้น ทงเฮที่ได้ยินแบบนั้นก็ยกยิ้มกว้างพร้อมกับตอบรับด้วยความสดใส คิบอมเลื่อนมือไปกอบกุมมือนุ่มของอีกคนโดยไม่ขออนุญาต พลางออกแรงดึงให้อีกฝ่ายนั้นเดินตามตนมา ทงเฮที่จะบอกให้ปล่อยมือก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป เพราะรับรู้ได้ถึงแรงของอีกฝ่ายที่กอบกุมมือของเขาไว้อย่างแน่นหนา จึงทำได้แค่ก้มหน้างุด และเดินตามอีกคนไปอย่างเงียบ ๆ

เดินมาไม่ห่างจากสวนสาธารณะมากนัก ก็ถึงบริเวณที่ผู้คนนั้นจัดงานฉลองเทศกาลวันคริสมาสต์กันอย่างครึกครื้นและสวยงาม ผู้คนจำนวนมากนั้นต่างพร้อมใจกันมาอยู่ที่บริเวณแห่งนี้ รอบ ๆ นั้นเป็นร้านขายของจำนวนมากมายที่มีให้เลือกสรร ซึ่งเหมาะกับช่วงเทศกาลในวันนี้ทั้งสิ้น ส่วนตรงกลางนั้นก็มีต้นไม้สัญลักษณ์วันคริสมาสต์ขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามตั้งไว้ รอบ ๆ ต้นไม้นั่นก็มีม้านั่งยาวที่วางไว้สำหรับผู้คนไว้มานั่งด้วยกันในวันที่แสนพิเศษ นอกจากนั้นยังมีคนที่แต่งตัวเป็นซานต้าครอสมาแจกของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเด็กน้อยที่มาร่วมเทศกาลในที่แห่งนี้อีกด้วย

ทงเฮส่งเสียงออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นต้นคริสมาสต์ที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม พร้อมกับแสงไฟสีสวย ร่างเล็กรีบวิ่งไปดูความสวยงามใกล้ ๆ นั่นอย่างรวดเร็วราวกับเด็กน้อย คนที่ยืนมองอยู่ทางด้านหลังก็ได้แต่ยกยิ้มขึ้นอย่างเอ็นดูในพฤติกรรมนั่น ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าอีกคนนั้นจะบริสุทธิ์ได้ถึงเพียงนี้

“คิบอม~ ลองมาดูใกล้ ๆ สิ มันสวยมาก ๆ เลยนะ”

ทงเฮหันมาเรียกคิบอมเสียงใสอย่างตื่นเต้น พลางกวักมือให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาหา ขาเรียวสองข้างก้าวเดินไปหาคนร่างเล็กตามที่อีกฝ่ายต้องการ หากแต่ร่างสูงนั้นกลับไม่ได้ปล่อยให้สายตาของตัวเองนั้นมองความสวยงามของต้นคริสมาสต์ขนาดใหญ่ตรงหน้าแม้แต่นิด กลับหยุดสายตามองอยู่ที่ใบหน้ามนที่อยู่ห่างจากตัวเองแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น

“สวยมากเลยเนอะคิบอม”

ริมฝีปากบางที่ยกยิ้มขึ้นอย่างสดใส รอยยิ้มที่ดูบริสุทธิ์เหมือนกับหิมะสีขาวบริสุทธิ์ที่เริ่มโปรยปรายลงมาเล็กน้อย ผมซอยสั้นสีดำสนิทที่ล้อมกรอบใบหน้ามนให้ดูน่ารักยิ่งขึ้น คิบอมยกยิ้มบางพลางตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มของตัวเอง

“อื้ม สวยจริง ๆ นั่นล่ะ”

ทงเฮยิ้มกว้างเมื่อได้ยินอีกฝ่ายนั้นเห็นด้วยกับตน โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคำตอบของอีกฝ่ายนั้นบางทีอาจจะไม่ได้เกี่ยวกันกับคำพูดของเขาแม้แต่นิด ร่างเล็กหย่อนตัวลงบนม้านั่งตัวยาวที่อยู่ใกล้ ๆ อยากจะนั่งดูความสวยงามของสถานที่อีกสักพักหนึ่ง ก่อนจะไปเดินดูร้านขายของที่เปิดอยู่รอบ ๆ

ร่างสูงหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ กัน ทงเฮหันมามองอีกฝ่ายแว่บหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นใบหน้าของตัวเองในตอนนี้ มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างมหัศจรรย์เลยทีเดียว ที่เขามีโอกาสได้มาอยู่กับคิบอมสองต่อสองแบบนี้ แทบจะไม่เชื่อตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้มันเป็นเรื่องจริงที่กำลังเกิดขึ้น แต่ถ้าหากนี่คือความฝัน เขาก็อยากจะให้ตัวเองนั้นหลับใหลไม่ตื่นขึ้นจากนิทราเสียด้วยซ้ำ

“คิบอม วันนี้นายไม่มีนัดไปฉลองคริสมาสต์กับคนอื่นบ้างหรอ?”

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ทงเฮถามออกไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้คิบอมกำลังอยู่กับเขาใกล้ ๆ เพียงแค่นี้ แต่อีกใจนึงมันกลับกังวลเสียเหลือเกิน เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นคนที่มีคนชอบเยอะ มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่จะมีคนอยากจะไปฉลองคริสมาสต์กับคิบอม เขามันก็แค่คนที่ค่อนข้างเงียบคนหนึ่ง ที่ดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากนัก

“มี...แต่ฉันไม่ไป”

“อ้าว? ทำไมล่ะ?”

เสียงทุ้มต่ำตอบแบบไม่ใส่ใจ ทำให้ทงเฮต้องหันไปมองใบหน้าคมด้วยความสงสัย ร่างสูงพ่นลมหายใจออกมาจนทำให้เกิดไอสีขาว ก่อนจะหันมามองใบหน้ามนของอีกฝ่าย ดวงตาคมที่ดูมีเสน่ห์นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่สื่อออกมาจนทำให้ทงเฮนั้นใจกระตุก ราวกับดวงตาของอีกฝ่ายนั้นกำลังมองลึกเข้ามาในดวงตาของเขาจนเขาไม่กล้าที่จะขยับตัวแม้แต่น้อย

“เพราะว่าฉันอยากจะมาฉลองคริสมาสต์กับนายสองคน”

“เหะ....”

คำพูดประโยคนั้นของคิบอมมันทำให้ทงเฮเบิกตากว้าง ในหัวมีแต่คำพูดประโยคนั้นดังก้องสะท้อนไปมาอยู่อย่างนั้น ร่างกายมันถูกตรึงไว้เสียหมด ใบหน้ามนขึ้นสีจัด ยิ่งเห็นดวงตาคมที่ฉายแววจริงจังแต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนที่กำลังจ้องมองมาทางเขา มันทำให้หัวสมองของเขานั้นมันขาวโพลนไปหมด

ฝ่ามือหยาบเอื้อมไปแตะแก้มเนียนใส ทั้งสองสบตากันเนิ่นนาน ไม่มีฝ่ายไหนที่เบือนหน้าหนี ใบหน้าคมเลื่อนเข้าไปใกล้กับใบหน้ามนของอีกฝ่ายมากขึ้นทีละนิด จนกระทั่งทั้งสองนั้นรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนที่รินรดใส่กัน ร่างสูงก็เลื่อนริมฝีปากอิ่มของตัวเองทาบทับลงบนกลีบปากบางอย่างแผ่วเบา

ไม่มีการรุกล้ำที่จาบจ้วง มีเพียงแค่ริมฝีปากของทั้งสองที่สัมผัสกันเพียงแค่นั้น ทงเฮที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันจริงหรือไม่ได้แต่นั่งนิ่ง สัมผัสที่เขาได้รับนั้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ความอ่อนโยนที่ส่งผ่านมามากมายจนเขารับรู้ได้นั้นเรียกให้หยาดน้ำใสเริ่มก่อตัวขึ้นที่ดวงตากลมของร่างเล็ก

ไม่นานนัก ริมฝีปากอิ่มก็ผละออกมาจากกลีบปากนุ่ม ดวงตาคมจดจ้องใบหน้ามนที่แสนน่ารัก ที่ตอนนี้ดวงตากลมนั้นเริ่มหน่วงคลอด้วยหยาดน้ำใส คิบอมยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองพลางเหลือบตามองไปอีกทาง เหมือนกับจะปิดบังใบหน้าของตัวเองส่วนนึงไม่ให้อีกฝ่ายเห็น ก่อนที่จะเลื่อนมือออก พร้อมกับเอ่ยสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ตั้งแต่แรกให้อีกฝ่ายฟัง

“Merry Christmas นะทงเฮ...นายจะคบกับฉันได้มั้ย?”

ประโยคสั้น ๆ ที่อีกฝ่ายพูดมานั้นทำให้ทงเฮนั้นไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน หัวใจดวงน้อยพองโตขึ้นจนคับอก ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมากมายตีกันมั่วไปหมด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายที่จ้องมองเขามาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากล้น ดวงตากลมที่มีน้ำตาหน่วงคลอนั่นก็ปล่อยให้หยาดน้ำใสไหลริน

ร่างเล็กโผตัวเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น ซุกหน้าลงกับอกแกร่งที่เปรียบเสมือนกับที่พักพิง ปล่อยให้น้ำตามันไหลรินออกมาตาที่ตัวเองต้องการ หากแต่น้ำตานั่นกลับเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ร่างเล็กที่สั่นเพราะแรงสะอื้น ทำให้คิบอมต้องกอดอีกฝ่ายไว้หลวม ๆ แต่ร่างสูงนั้นก็ต้องยกยิ้มกว้างอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อคนในอ้อมกอดนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเบา ๆ แต่มันกลับดังก้องอยู่ในความคิดของร่างสูงเสมอ...


“อื้ม...ฉันตกลง...”



.
.
..
...
....
......



หลังจากนั้นไม่นาน จู่ ๆ คิบอมก็ไปอเมริกาโดยที่ไม่ได้บอกทงเฮสักคำ แต่ร่างสูงก็โทรมาหาร่างเล็กในคืนวันคริสมาสต์ พร้อมกับให้คำมั่นสัญญา ว่าจะกลับไปหาทงเฮแน่นอน

“คิดถึงช่วงเวลานั้นจังเลยแหะ...”

ทงเฮพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวด แม้ริมฝีปากบางจะยกยิ้ม แต่ดวงตากลมโตนั้นกลับปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาช้า ๆ หลังมือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่แสดงถึงความอ่อนแอออกไปอย่างรวดเร็ว พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่กำลังแล่นขึ้นมามากขึ้นทุกที ไม่อยากจะให้ตัวเองอ่อนแอไปมากกว่านี้อีกแล้ว ไม่อยากจะเสียน้ำตาไปมากกว่านี้อีกแล้ว

...แต่มันก็ทำได้แค่คิด...

...เพราะสุดท้าย...ตัวเขาเองก็ไม่อาจจะทนกับความเจ็บปวดนี้ได้สักที...

ร่างเล็กลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ดวงตากลมเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมืออีกครั้ง ตอนนี้ห้าโมงกว่าแล้ว ทงเฮจึงหยิบถุงเค้กที่ต้องนำไปส่งให้ลูกค้าขึ้นมา ก่อนจะก้าวขาเรียวพาตัวเองไปยังจุดหมายที่บ้านของลูกค้า ตามสถานที่ที่ซองมินเขียนมาให้

เป็นเวลาพักหนึ่ง ร่างเล็กก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพักในคอนโดแห่งหนึ่ง นิ้วเรียวเลื่อนไปจะกดออด แต่พอนึกถึงสภาพตัวเองในตอนนี้หน้าตาคงจะดูไม่จืด ทงเฮจัดการใช้มือตบที่แก้มของตนเบา ๆ ทั้งสองข้าง สะบัดไล่ความรู้สึกบ้า ๆ ออกไปให้หมด ตอนนี้เขาจะต้องดูสดใส จะต้องยิ้มแย้มให้กับลูกค้า เพื่อที่จะไม่ให้ลูกค้าของเขาและซองมินนั้นต้องผิดหวัง

เมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทงเฮก็สูดหายใจเข้าออกลึก ๆ เป็นการเรียกกำลังใจตัวเอง นิ้วเรียวเลื่อนไปกดออดตรงหน้า ยืนรออยู่ครู่หนึ่ง ประตูขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ก็ถูกผู้เป็นเจ้าของเปิดออก ทงเฮจึงยกยิ้ม พร้อมกับจะเลื่อนมือที่ถือถุงเค้กไปให้กับผู้สั่ง

“สวัสดีครับ ผมเอาเค้กมาส่...”

ไม่ทันที่จะได้พูดจบ ร่างเล็กก็ถูกอีกคนดึงเข้าไปกอดโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตากลมโตเบิกกว้าง แขนเรียวที่ยกขึ้นหวังจะดันให้อีกฝ่ายนั้นปล่อยตัวเองออกไป แต่เมื่อทงเฮรับรู้ถึงความอบอุ่นที่กำลังส่งผ่านมาทางอ้อมกอดที่แน่นหนานี่ ร่างเล็กกลับยืนนิ่ง ดวงตากลมนั้นคลอรื่นด้วยหยาดน้ำตาที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่เจ้าตัวนั้นแทบจะไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ

...ความอบอุ่นที่แสนคุ้นเคย...

...อ้อมกอดที่โหยหามาตลอด...

...สัมผัสที่เขาไม่ได้รับมานานแสนนาน...


“ฮึก...คิบอม...คิบอม...”

วงแขนเล็กกอดอีกฝ่ายไว้แน่น ความรู้สึกมากมายมันพากันเอ่อล้นออกมาเพราะโหยหาแต่คน ๆ นี้มานานเสียเหลือเกิน ใบหน้ามนซุกลงกับไหล่กว้าง ระบายความคิดถึงทั้งหมดให้ผ่านออกมาทางหยาดน้ำตาและอ้อมกอดเล็กของเขา

“ฉันกลับมาแล้ว”

เสียงทุ้มนุ่มที่ทงเฮคิดถึงมาตลอดดังอยู่ใกล้ ๆ คิบอมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เลื่อนริมฝีปากอิ่มของตนประทับลงบนหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา ส่งผ่านความคิดถึงของตนผ่านจูบที่แสนเบาบาง ใบหน้ามนช้อนตาขึ้นมองใบหน้าอีกฝ่ายทั้ง ๆ ที่น้ำตายังคงไหลรินไม่หยุด

“ทำไม...ฮึก...ทำไมถึงไม่บอกฉัน...”

“เรื่องอะไรล่ะ?”

“จะกลับมา...แล้วทำไมถึงไม่บอก...ฮึก...”

มือหยาบยกขึ้นลูบเรือนผมนุ่มอย่างอ่อนโยน ร่างเล็กที่มองเขามาอย่างตัดพ้อ มันทำให้เขารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย แต่เพราะเขารู้อยู่ตลอด ว่าเขานั้นก็คิดถึงทงเฮไม่ต่างกับที่ทงเฮนั้นคิดถึงเขามากเพียงใด เขาจึงเลือกที่จะทำแบบนี้ เพื่อที่จะให้อีกฝ่ายนั้นจะได้ดีใจมากกว่าการที่เขาโทรไปบอกแต่แรกหลายเท่าเลยล่ะ

“ก็ฉันอยากเซอร์ไพรนายนี่ แล้ว...ดีใจมั้ยละที่ได้เจอฉันแบบนี้?”

“ฮึก...ไอ้บ้าคิบอม!”

ร่างสูงยกยิ้มกะล่อน ท่าทางกวน ๆ นั่นทำให้ทงเฮทุบไปที่อกคิบอมเบา ๆ แม้ว่าคิ้วบางจะขมวดเข้าหากันเหมือนกับกำลังโกรธ แต่ริมฝีปากบางนั้นกลับยกยิ้มขึ้นอย่างมีความสุข นั่นทำให้คิบอมต้องหลุดหัวเราะออกมาอย่างดีใจ

“เค้กล่ะทงเฮ ฉันสั่งมาเพราะจะมานั่งกินกับนายสองคนเลยนะเนี่ย”

คิบอมผละอ้อมกอดพลางถามหาเค้กแสนอร่อยที่เขามักจะได้กินอยู่เสมอตอนที่ยังอยู่ที่นี่ ทงเฮที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้าขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย เพราะเขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าวันนี้จะได้เจอคิบอมคนที่เขาคิดถึงที่สุด แถมคิบอมยังสั่งเค้กมาเพื่อเขาแบบนี้ มันทำให้เขาดีใจเป็นที่สุดเลยล่ะ

มือเรียวยื่นถุงใส่กล้องเค้กไปให้อีกฝ่าย มือหยาบเอื้อมมาเพื่อที่จะรับถุงนั่น แต่เมื่อมือหยาบเอื้อมมาจับที่ถุง ทั้งสองคนก็พูดออกมาพร้อมกันโดยทื่มือของทั้งสองก็ยังคงไม่ได้ปล่อยจากถุงนั่น

“คิบอม/ทงเฮ ฉันมีเรื่องจะบอก”

ทั้งสองสบตากันนิ่ง เพราะเผลอพูดออกมาพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างอึกอักไม่รู้จะให้ใครพูดต่อดี แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ราวกับในใจของทั้งสองฝ่ายนั้นรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะพูดอะไรออกมา ทั้งสองจึงเลือกที่จะพูดออกมาตามที่ใจคิด และมันก็เป็นไปตามที่คิด...สุดท้าย ทั้งสองต่างก็หลุดหัวเราะออกมา พร้อมกับรอยยิ้มแสนสดใสของทั้งสองที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้เห็นมันมาแสนนาน...







“Merry Christmas นะ”
















THE END ^///^ (Merry Christmas นะตะเอง~)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น