บทความนี้อาจจะมีฉาก อีโรติก บ้างนะฮะ โปรดใช้จินตนาการในการรับชม ถ้าไม่ชอบก็ปิดหน้านี้ซะ ก๊อปได้นะแต่ให้เครดิตด้วย
Title: So I
Paring: Siwon x Hankyung
Author: ~#DN_LoveR#~
Author Note: ขุดกรุฟิคเพลงมาแปะ แต่งไว้นานแล้วล่ะเพลงนี้ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้แต่งฟิค ขอเอาฟิคเก่า ๆ มาหากินกันก่อนละกันเนอะ เอิ๊ก ๆ (ขี้เกียจได้อีกเรา)
*แนะนำ* ระหว่างที่อ่านก็เปิดเพลง So I ไปด้วยนะ ^ ^
+:+:+:+:+:+:+ So I +:+:+:+:+:+:+
Baby…I just want to love you…
ที่รัก...ผมแค่อยากจะรักคุณ
“ผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่เหรอครับ?” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ส่งคำถามให้กับคนที่ตอนนี้คงจะต้องเรียกว่า ‘อดีตผู้จัดการส่วนตัว’ เสียแล้ว ชายหนุ่มที่ถูกถามก็พยักหน้าเป็นการตอบคำถามนั่น
“ใช่ ซีวอน ตั้งแต่วันนี้ไป นายจะมีผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่แล้วนะ” อดีตผู้จัดการส่งยิ้ม ซีวอนก้มหน้าลงเล็กน้อย หน้าตาซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มจึงตบไหล่ร่างสูงเบา ๆ สองสามที เพราะเขารู้ดี ว่าซีวอนนั้นไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก ที่เขาจะต้องเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อยขนาดนี้
“ซีวอน นายไม่ต้องซึมขนาดนั้นหรอกน่า เอาล่ะ นี่ ‘ฮันกยอง’ คนที่จะมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ของนายนะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับผายมือไปทางฝั่งซ้ายมือ ซีวอนจึงหันหน้าไปตามทางที่มือนั้นเลื่อนไป ทันทีที่นัยน์ตาของเขาสบตากับใบหน้าของบุคคลใหม่ ไม่รู้ว่าทำไม....ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เขาไม่เคยได้รับ กลับเกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาได้...
...อะไรกัน...ความรู้สึกนี่....
...ทำไมนะ.....ทำไม...
...ผมถึงไม่อยากละสายตาไปจากเขาล่ะ?.....
You open up my heart...
คุณเปิดหัวใจของผม
“สวัสดีครับ ผมฮันกยอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ร่างสูงโปร่งของหนุ่มชาวจีนกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม สายตาที่แสดงถึงความจริงใจและอ่อนโยนถูกส่งไปให้ซีวอน มือบางยื่นออกไปด้านหน้า เป็นการกล่าวทักทาย ซีวอนจ้องบุคคลตรงหน้าสักครู่ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับกับมือบางนั่นเป็นการตอบกลับ
“สวัสดีครับ ผมซีวอน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ฮันกยอง ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ” ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างเป็นมิตร ทำให้ฮันกยองรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย ซีวอนก้มหัวเล็กน้อยอย่างสุภาพ
...มือของเขา....นุ่มจัง....
...แถมยังอบอุ่น....และอ่อนโยนด้วย.....
“เช่นกันครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปจัดตารางงานให้คุณก่อนนะครับ คุณซีวอน” ฮันกยองค่อย ๆ ปล่อยมือจากมือหยาบนั้นอย่างช้า ๆ พยักหน้าลงเล็กน้อย และส่งยิ้มอ่อนหวานที่เขามักจะทำเป็นนิสัยอยู่แล้วอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง พร้อม ๆ กับอดีตผู้จัดการส่วนตัวของซีวอ
‘ปัง...'
เสียงปิดประตูที่แผ่วเบาเงียบลง ผู้จัดการทั้งสองต่างออกไปเตรียมงานที่นอกห้อง ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากนั้น...จะมีใครล่วงรู้ได้เล่า...ว่าเบื้องหลังประตูห้องน่ะ....
...ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มออกมาอย่างมีความสุข...
รอยยิ้มที่เผยออกมาอย่างไม่มีเหตุผล ดวงตาที่ฉายแววอ่อนโยนจดจ้องไปที่บานประตูนั่น...เหมือนกับต้องการสื่อไปให้คนที่อยู่อีกฝั่งของบานประตูได้รับรู้
...เพียงแค่ได้เห็นหน้าเขาครั้งแรก...
...ผมก็มีความสุขได้เพียงนี้เชียวเหรอ?....
...ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่เขาส่งมอบมาให้อย่างจริงใจ...
...ผมก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้....
มือหยาบเลื่อนมาทาบทับที่อกทางด้านซ้าย รับรู้ได้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่แรงและเร็วมากกว่าปกติยิ่งนัก เขาก็ไม่ใช่คนที่จะไม่รู้จัก ว่าอาการแบบนี้เรียกว่าอะไร ริมฝีปากหยักเผยรอยยิ้มกว้าง ทำให้มีลักยิ้มหวานอยู่ที่แก้มทั้งสองข้าง
“คุณจะรู้มั้ยนะ........”
알아요 믿어요 첫눈에 반한단 그 말
ผมรู้ ผมเชื่อ ว่าผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกพบ
“...............ว่าคุณเป็นคนแรก.........ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้”
+:+:+:+:+:+:+ So I +:+:+:+:+:+:+
“อืม....” เสียงงัวเงียเพราะความง่วงดังมาจากร่างสูงที่ยังนอนกอดหมอนอย่างสบายใจ พลิกตัวไปมาอยู่สองสามครั้ง ใบหน้าคมพยายามหันหลบจากแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านกระจกใสภายในห้องนอน แต่เสียงที่ดังเล็ดลอดเข้ามาในห้องนั้น กลับเรียกความสนใจให้เขายิ่งนัก
ซีวอนใช้มือค่อย ๆ ดันตัวขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ ผ้าห่มผืนใหญ่ที่เคยปกปิดร่าง ตอนนี้ได้เลื่อนลงเผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่ไร้อาภรณ์ปกปิด เปลือกตาหนาปิดลงอย่างช้า ๆ ตั้งใจฟังเสียงที่ดังออกมาจากข้างนอก เสียงที่ฟังดูคล้าย ๆ กับว่ากำลังเตรียมอาหารเช้าสำหรับวันนี้ ทำให้ริมฝีปากหยักเผยยิ้มออกมาได้ไม่ยากนัก
...วันนี้....
...ผมจะได้กินอาหารเช้าฝีมือของเขาอีกแล้วสินะ....
...ผมมีความสุขจัง...
...ผมกับเขา.....อยู่ด้วยกันมาเกือบจะเดือนนึงได้แล้วสินะ....
...แถมเมื่อคืน.......ผมฝันถึงเขาด้วยล่ะ...
아침에 눈을 뜨면 어젯밤 꿈속에 그대
ถ้าผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วพบว่ามีคุณอยู่ในฝันเมื่อคืนนี้
นิ้วเรียวยาวเลื่อนมาสัมผัสที่ริมฝีปากอิ่มของตน เลื่อนนิ้วลูบไล้ไปทั่วริมฝีปากของตนอย่างช้า ๆ ก่อนจะนั่งนิ่งอยู่บนเตียงอยู่สักพักหนึ่ง นัยน์ตาคมหันไปมองที่ประตูห้องของตัวเอง มองไปด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ความรัก และความสุขระคนกัน ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอีกครั้งหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่
...ทั้ง ๆ ที่วันนี้ผมยังไม่เห็นหน้าเขา....
...แต่ผมยังยิ้มได้มากขนาดนี้....
...เพียงแค่นึกถึงใบหน้าของเขา...
...ผมก็สุขใจ.....มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก....
...ท่าทาง......ผมคงจะเป็นบ้าไปแล้วใช่มั้ย?...
내게로와 입맞추던 그 느낌 그대로
ความรู้สึกนั้นมันเหมือนผมได้จูบกับคุณ
ร่างสูงค่อย ๆ เลื่อนตัวลงจากเตียงอันแสนนุ่ม พลางเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่จะใส่ในวันนี้ มาวางไว้ที่ขอบเตียง ก่อนจะก้าวขาเข้าไปยังห้องน้ำที่มีอยู่ในตัวห้องนอนแล้ว...เพื่อเตรียมตัวสำหรับการทำงานในวันนี้.....และการกินอาหารเช้าแสนอร่อย...จากฝีมือของคนที่เขายังคงเฝ้ามองอยู่....
“ฮื้ม~♪ เอาล่ะ เสร็จซะที” เสียงหวานกึ่งทุ้มพูดอย่างสบายอารมณ์ ร่างโปร่งก้มหน้าก้มตาจัดวางจานอาหารบนโต๊ะให้สวยงาม แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเสียงปิดประตูห้องดังมากระทบหูเขา ฮันกยองหันหน้าไปตามเสียงนั่นโดยอัตโนมัติ และก็ต้องยิ้มออกมาตามธรรมชาติ........เพราะซีวอนส่งยิ้มอบอุ่นมาทักทายเขานี่....
“อรุณสวัสดิ์ พี่ฮัน ว้าว~ วันนี้ทำอาหารน่ากินอีกแล้ว~♥” ซีวอนเดินมายังโต๊ะอาหารอย่างอารมณ์ดี ยิ่งสายตาสังเกตสภาพหน้าตาอาหารยามเช้ามากเท่าไหร่ อาการดีใจเหมือนเด็ก ๆ ก็ยิ่งฉายแววออกมามากเท่านั้น ฮันกยองที่ยืนอยู่ อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม และหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะความน่ารักนั่น
“ฮะ ๆ ดาราชื่อดัง ชเว ซีวอน พอหลังกล้องแล้วกลายร่างจากสุภาพบุรุษ กลายเป็นเด็กเลยแหะ ฉันน่าจะแอบถ่ายไว้ แล้วเอาไปลงอินเทอร์เน็ตแกล้งซะให้เข็ดดีมั้ยเนี่ย” ฮันกยองพูดหยอกด้วยความหมั่นเขี้ยว ตอนช่วงแรกเขาก็เครียดหนักอยู่พอสมควร เพราะเขาเพิ่งจะเริ่มหัดเป็นผู้จัดการไม่นาน จู่ ๆ ก็ได้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของดาราชื่อดังซะงั้น แต่พอได้เห็นท่าทางและนิสัยของซีวอนแล้ว เขากลับหายเครียดเป็นปลิดทิ้ง แถมรู้สึกเอ็นดูซีวอนเหมือนกับน้องชายคนหนึ่งด้วยซ้ำ
“ห๊ะ!!! ไม่เอานะ!! พี่ฮันอ่ะ ผมกลัวจริง ๆ นะเนี่ย” ซีวอนที่ทำท่าจะนั่งเก้าอี้ลง เพื่อเตรียมตัวกินอาหารเช้าแสนอร่อย พอได้ยินคำพูดนั้นก็ต้องสะดุ้งสุดตัว แล้วรีบทำมือบอกห้ามไม่ให้ฮันกยองทำตามที่พูดเด็ดขาด ก็แหงละ เขาเคยแสดงท่าทางแบบนี้ให้เห็นบ่อย ๆ ซะที่ไหนเล่า
แต่ฮันกยองที่เห็นท่าทางแบบนั้น ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง มือเรียวจัดการหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา และทำท่าเหมือนกับว่ากำลังถ่ายวิดีโออยู่ ยิ่งทำให้ซีวอนลุกลี้ลุกลนเข้าไปใหญ่ ขาเรียวยาวของซีวอนย่ำลงกับพื้นสลับไปมาอย่างเร็วคล้ายวิ่งจ๊อกกิ้ง ท่าทางที่เหมือนกับเด็กที่กำลังอ้อนให้ผู้ใหญ่ซื้อของเล่นให้ ทำให้ฮันกยองหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ฮ่า ๆ ๆ โอเค ๆ ฉันไม่แกล้งล่ะ นายนี่ก็เชื่อฉันซะทุกเรื่องเลยนะ ฮะ ๆ” ฮันกยองใช้นิ้วปาดน้ำตาบริเวณหางตาออก ซีวอนทำปากยื่น ฮันกยองส่งยิ้มอีกครั้ง พลางหันหลังไปเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม แต่....ฮันกยองจะรับรู้บ้างมั้ยนะ....ว่าท่าทางที่เขาแสดงออกอยู่ทุกวัน....ทำให้ชายคนหนึ่งอมยิ้มไปได้ทั้งวัน....
...เวลาที่เขายิ้ม.....ผมอยากจะเก็บรอยยิ้มนั้นไว้คนเดียวจัง.....
...แล้วที่ผมเป็นคนเชื่อใครง่ายเนี่ย......
...พี่จะรู้มั้ยนะ.....ว่าผมน่ะ......
...จะเชื่อคนง่าย......กับพี่เพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ.....
ซีวอนเลื่อนเก้าอี้ออกมานิดนึง ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่ง มือหยาบหยิบอุปกรณ์สำหรับการกินอาหารขึ้นมา ก่อนจะรีบกินอาหารเช้าตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ระหว่างนั้นฮันกยองก็เลื่อนตัวมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร่างสูง และเริ่มกินอาหารเช้าตามบ้าง
“อะ ซีวอน ฉันให้”
“ว้าว~ ขอบคุณคร้าบ~”
...คุณเคยเป็นแบบผมบ้างมั้ย...
...นั่งกินอาหารเช้ากันสองคน....ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้คุยกัน....
...แต่มันมีความสุข....ยิ่งกว่าการนั่งกินกันหลาย ๆ คนซะอีกนะ...
“พี่ฮัน ข้าวติดอยู่ที่แก้มน่ะ” ซีวอนพูดพร้อมกับยื่นมือไปหยิบออกให้ ฮันกยองจ้องหน้าคนร่วมโต๊ะอาหารอย่างตกใจนิดหน่อย ใบหน้ามนขึ้นสีนิด ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาลงมือกินอาหารเช้าต่อ
ซีวอนเห็นท่าทางแบบนั้น อดไม่ได้ที่จะทำหน้าตาสงสัย แต่พอคิดทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำลงไปแล้ว กลับกลายเป็นว่าเขาหน้าแดงเถือกเองซะอย่างนั้น และร่างสูงก็รีบก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าต่อ กลบเกลื่อนความเขินอายที่เกิดขึ้นในตอนนี้
...อ๋า....ผมทำแบบนั้นไปได้ไงเนี่ย.....
...ทั้งเขิน....ทั้งดีใจ.....ปนกันมั่วไปหมดแล้ว....
อาหารเช้าถูกจัดการด้วยฝีมือของชายหนุ่มทั้งสองจนหมดเกลี้ยง ฮันกยองเก็บกวาดอุปกรณ์ที่ใช้ในอาหารมื้อนี้มาล้างให้เรียบร้อย โดยบอกให้ซีวอนไปทำงานก่อน เพราะวันนี้เขาจะต้องรีบจัดการตารางงานของซีวอนให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงไม่ได้ตามซีวอนไปที่ทำงานด้วย
ร่างสูงเดินหน้ามุ่ยไปที่รถของทางบริษัทเพื่อไปถ่ายทำหนังที่ตัวเองต้องแสดงต่อ ปกติฮันกยองมักจะอยู่ข้าง ๆ เขาตลอดเวลาการทำงาน เรียกได้ว่า ถ้าเห็นฮันกยอง ก็รู้ได้เลยว่าซีวอนต้องอยู่แถวนั้นแน่ ๆ เขาไม่ยอมหรอก ถ้าหากฮันกยองไม่พูดคำทิ้งท้ายไว้ให้ก่อนที่เขาจะต้องไปทำงาน ว่า...
‘ไปทำงานเถอะ.....แล้วคืนนี้ค่อยมาดูดาวด้วยกันนะ’
+:+:+:+:+:+:+ So I +:+:+:+:+:+:+
บรรยากาศที่กองถ่ายละครที่แสนจะวุ่นวาย ทั้งเหล่านักแสดงฝีมือดีจำนวนมาก ผู้กำกับ สไตลิสต์ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม และคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังอีกมากมายหลายชีวิต บ้างก็แยกกันไปถ่ายทำฉากละครบางฉาก บ้างก็แยกกันไปพักผ่อนกันตามอัธยาศัย
ซีวอนที่เข้าฉากของวันนี้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินออกมานั่งพักอยู่เพียงคนเดียวตรงบริเวณสนามหญ้าที่ไม่ห่างไปจากกองถ่ายมากนัก ขาเรียวสองข้างยืดออกจนเต็มความยาว สองมือถูกเลื่อนมาวางไว้ด้านหลังเพื่อยันตัวไว้ไม่ให้เอนตัวลงนอน ใบหน้าคมแหงนขึ้นมองท้องฟ้า ที่ตอนนี้เริ่มแปรเปลี่ยนจากสีฟ้าครามกลายเป็นสีส้มอ่อน ๆ ดูแล้วอบอุ่นยิ่งนัก
นัยน์ตาสีนิลจดจ้องไปยังท้องฟ้าเบื้องบน สีส้มอ่อน ๆ ที่ดูอบอุ่นแบบนี้...มันชวนให้เขานึกถึงใบหน้าของผู้จัดการส่วนตัวของเขาทุกทีสินะ...
...ป่านนี้...พี่จะจัดการตารางงานเสร็จรึยังนะ...
ซีวอนเปลี่ยนจากท่านั่ง กลายเป็นเอนหลังนอนลงไปกับพื้นหญ้าสีเขียวชอุ่ม ใช้แขนข้างหนึ่งหนุนหัวต่างหมอน ริมฝีปากหนายกยิ้มเล็กน้อย มืออีกข้างหนึ่งเลื่อนมาลูบตามริมฝีปากของตัวเองอย่างแผ่วเบา...
아직 남아 계속 남아 온종일 그대 생각에 웃죠
ความรู้สึกนั้นยังคงอยู่ ผมคิดถึงแต่คุณทั้งวัน มันตลกใช่มั๊ย
...ผมทำงานของวันนี้ใกล้เสร็จแล้วนะ...
...พี่ฮัน....พี่ทำงานของพี่เสร็จรึยังนะ....
“...วอน....ซีวอน!”
ซีวอนสะดุ้งเพราะเสียงของใครสักคนที่เรียกเขา แขนแกร่งยันตัวให้ลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ก่อนจะหันซ้ายหันขวาหาผู้เป็นเจ้าของเสียง
“ทำงานเสร็จแล้วหรอ เหนื่อยมั้ย?” เสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ทางด้านหลัง ซีวอนหันขวับไปตามทางของเสียงนั้น ทันทีที่ดวงตาเห็นใบหน้าของคน ๆ นั้น ริมฝีปากก็ยกยิ้มขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
“อื้ม ไม่เหนื่อยหรอก พี่ฮัน ^ ^”
그때도 지금도 아직도 가슴뛰는 말
ไม่ว่าจะตอนนั้น ตอนนี้ หรือต่อ ๆ ไป หัวใจของผมก็ยังวุ่นวาย
“หึ ฉันไม่เชื่อหรอก พูดงี้ทีไร พอกลับไปที่ห้องก็หลับเป็นตายทุกที” ฮันกยองหยิกแก้มของคนอายุน้อยกว่าด้วยความหมั่นเขี้ยว ซีวอนร้องโอดโอยเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนมือมาลูบบริเวณที่โดนร่างโปร่งหยิกป้อย ๆ ฮันกยองหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยื่นมือไปให้ซีวอนที่กำลังนั่งอยู่
“เอาล่ะ เรากลับบ้านกันดีกว่านะ” รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งออกไป ซีวอนช้อนตามองใบหน้าและรอยยิ้มนั่น ก่อนจะส่งยิ้มตอบกลับไปบ้าง และยื่นมือไปจับกับมือของคนตรงหน้า พร้อมกับลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงของตัวเอง
...‘เรา’ อย่างงั้นหรอ...
...ผมชอบคำนี้จังเลยแหะ...
ร่างของชายหนุ่มสองคนก้าวเดินไปยังรถยนต์คันไม่หรูมาก แต่ก่อนที่จะได้นั่งรถกลับบ้าน ซีวอนกับฮันกยองก็ยืนเถียงกันอยู่พักนึง ว่าใครจะเป็นคนขับ ใครจะเป็นคนนั่งข้าง เลยตัดสินด้วยวิธีการแสนจะยุติธรรม นั่นก็คือการ ‘เป่ายิ้งฉุบ’ นั่นเอง ซึ่งผลปรากฏว่าหนุ่มจากแดนจีนเป็นผู้ชนะไปในการแข่งครั้งนี้...
ใช้เวลาไม่นานนัก ชายหนุ่มทั้งสองก็มาถึงที่พัก ฮันกยองจัดการบังคับให้ซีวอนไปอาบน้ำซะก่อน เพื่อจะได้พักผ่อนซะที แต่ซีวอนกลับทำตัวเป็นเด็กดื้อซะอย่างนั้น ในฐานะที่ฮันกยองเป็นผู้ดูแล เลยจัดการผลักให้ซีวอนเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับโยนเสื้อผ้ากับผ้าขนหนูเข้าไปให้ด้วย เสียงบ่นอุบอิบจากในห้องน้ำลอยแว่วมาเบา ๆ ทำให้ร่างโปร่งหัวเราะกับท่าทางเด็ก ๆ นั่น ฮันกยองจึงไปอาบน้ำที่อีกห้องหนึ่งเพื่อเขาจะได้พักผ่อนด้วยเช่นกัน
สายน้ำที่พุ่งออกมาจากฝักบัวเพื่อใช้ในการชำระล้างกาย ไหลไปกระทบตามผิวสีแทนของร่างสูง มือเลื่อนไปถูตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อล้างฟองสบู่ออก ซีวอนอาบน้ำไปด้วยหน้าตาที่บูดบึ้งอยู่พอสมควร ก็เรื่องที่เขาดื้อไม่ยอมอาบน้ำเมื่อกี้นะ เพราะเขามีเรื่องจะบอกฮันกยองอยู่นะสิ
...ผมอุตส่าห์ตัดสินใจได้แล้ว...
...ว่าพอถึงห้องเมื่อไหร่....ผมจะบอกความในใจกับพี่...
...แต่ทำไมพี่...กลับมาห้ามไม่ให้ผมพูดซะล่ะ...
...พูดแต่คำว่า ‘รู้แล้ว’....จริง ๆ แล้วพี่จะรู้มั้ยนะ....
...ว่าที่ผมต้องการจะบอกพี่น่ะ....คืออะไรกันแน่...
...หรือว่า....ผมยังคงต้องปิดบังความรู้สึกนี้ต่อไปอีกอย่างนั้นเหรอ?...
You love me 기다리죠
คำว่าคุณรักผม ผมจะรอได้มั๊ย
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกโดยฝีมือของซีวอน ผ้าขนหนูผืนเล็กที่ถูกใช้ซับน้ำจากเส้นผมสีดำขลับนั้นให้หมดไป ร่างสูงในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงขายาวสบาย ๆ มือหนาจัดการพาดผ้าขนหนูไว้ที่พนักเก้าอี้ หลังจากที่เช็ดผมเสร็จแล้ว
ขาเรียวยาวก้าวไปที่เตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มนั่น ซีวอนพลิกตัวไปมา ก่อนจะหยุดเป็นนอนคว่ำและฟุบหน้าลงไปบนแขนของตัวเอง ไม่ใช่ว่าตอนนี้เขาเบื่อที่จะทำอะไรสักอย่าง...ไม่ใช่ว่าเขาเหนื่อยจนอยากจะนอนพัก....
...เขากำลังรอตามคำสัญญานั่น...
혼자만의 욕심일까 때론 겁이나
ผมมีความกลัวในการอยู่คนเดียว
สิบนาที...ยี่สิบนาที...ครึ่งชั่วโมง...สายตาคมที่จับจ้องไปที่นาฬิกาที่ฝาพนัง เข็มนาฬิกาที่บ่งบอกช่วงเวลาในตอนนี้ เขายังคงนอนรอฮันกยองต่อไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เขาและฮันกยองจะดูดาวด้วยกัน ก็มักจะมาดูดาวตรงที่ระเบียงห้องของเขานี่ละ เพราะเป็นมุมที่เห็นดวงดาวได้ชัดเจน...และสวยที่สุด
...แปลกมั้ย....ที่จะยอมรอใครสักคนหนึ่งโดยที่ไม่เบื่อ....
...แต่...กลับกลายเป็นกลัว...
...กลัว....ว่าเขาคนนั้นจะไม่มาตามคำสัญญา....
...เมื่อไหร่พี่จะมานะ...
...หรือว่า...พี่จะลืมไปแล้ว...ว่าพี่สัญญาอะไรไว้...
‘ก๊อก ๆ’
เสียงเคาะประตูทำให้ซีวอนกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้บอกอนุญาตให้เข้ามา แต่คนที่เคาะประตูนั้นก็เปิดเข้ามาซะแล้ว แต่ซีวอนก็ไม่ได้ว่าอะไร
ร่างโปร่งในชุดนอนแขนยาวขายาวสีอ่อน เดินเข้ามาด้านในห้องที่ตอนนี้ซีวอนกำลังนั่งอยู่บนเตียงนุ่ม ฮันกยองนั่งลงข้าง ๆ กับซีวอน ก่อนจะเลื่อนมือบางไปลูบเรือนผมของร่างสูงอย่างอ่อนโยน ซีวอนหันมาจ้องคนที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยสายตามึนงงปนตกใจนิด ๆ นั่นทำให้ฮันกยองยกยิ้มให้คนตรงหน้า
“ไงล่ะ รอนานมั้ย?”
“รอ....?” ซีวอนพูดไว้เพียงคำเดียว และเงียบไป รอให้คนด้านข้างเป็นคนเสริมประโยคต่อจากตัวเอง
“ก็จะดูดาวด้วยกันไง ฉันสัญญาไว้แล้วจะลืมได้ไงกัน
ซีวอนกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขิน พร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ ใบหน้าคมติดจะขึ้นสีนิด ๆ มือหนาจับเข้าที่มือบางของคนเป็นพี่ ทั้งสองเลื่อนลงจากเตียงนุ่ม และเดินไปยังระเบียงห้องเพื่อไปดูบรรยากาศของท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยกัน...
그대 뿐이죠 두근거리는 맘도
คุณเท่านั้นใช่มั้ย ที่ทำให้ใจผมสั่น
ท้องฟ้ายามวิกาลที่มืดสนิท ที่บัดนี้เต็มไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่นับล้าน ต่างกำลังพากันส่องแสงกันทั่วท้องฟ้า ชายหนุ่มสองคนกำลังแหงนหน้ามองความงดงามของดวงดาว ที่หาดูได้แค่เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น มือของทั้งสองยังคงกุมกันไว้แน่นเช่นเดิม
“นี่ ซีวอน” ฮันกยองพูดขึ้นโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเจ้าของชื่อ ซีวอนหันมามองฮันกยอง พร้อมกับทำสีหน้าสงสัย และทำเสียงทุ้มต่ำในลำคอเป็นเชิงถามและให้พูดต่อ
“ถ้านายเห็นดาวตก....นายจะขออะไรหรอ?” ใบหน้ามนหันไปหาคนด้านข้าง ดวงตาของทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนใบหน้าคมจะหันไปจ้องมองดวงดาวบนท้องฟ้าอีกครั้ง
“ถ้าเห็นดาวตกหรอ.......”
...ถ้าผมเห็นดาวตก...
So I pray for you. So I
ผมจึงอธิษฐานถึงคุณ
...ผมคง....ขอให้พี่อยู่เคียงข้างผม...
...เหมือนกับตอนนี้....ที่มือของพวกเรายังคงจับกันไว้...
...ขอให้มือของพวกเราทั้งคู่....ยังคงจับกันไว้แบบนี้ตลอดไป...
“........ไม่รู้สิ” ซีวอนพูดพร้อมกับยกยิ้มเป็นคำตอบ ฮันกยองที่ได้ยินคำตอบก็ทำเสียงชิออกมาเบา ๆ ทำให้ซีวอนหลุดขำกับท่าทางการงอนของพี่ตัวเอง
“แล้วพี่ล่ะ ถ้าพี่เห็นดาวตก...พี่จะขออะไร?” เป็นคราวซีวอนถามบ้าง ฮันกยองที่ได้ยินคำถามนั้น จากที่งอนอยู่ก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะหัวเราะและยกมือขึ้นปิดปากเพราะความอาย ยิ่งทำให้ซีวอนอยากรู้เข้าไปใหญ่ว่าฮันกยองอยากจะขออะไรกันแน่
“ฮะ ๆ อ๋า...ฉันจะบอกดีมั้ยเนี่ย”
“บอกมาเหอะพี่ ผมอยากรู้นะ~” ซีวอนแกว่งแขนข้างที่จับมือไว้ไปมาเป็นเชิงอ้อน ฮันกยองใช้นิ้วเขี่ยที่แก้มบ่งบอกอาการเขินอาย ก่อนจะตอบคำถาม
“ฉัน....อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกันแบบนี้แหละ....”
“......”
“ฉันชอบนะ...เวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันน่ะ....ฉันว่ามันอบอุ่นมาก ๆ เลยละ...”
“......”
“และ.........อ๋า~ เขินจังแหะ ทำไมฉันต้องมาตอบคำถามนี้ด้วยนะ” ดวงตากลมโตหลบสายตาจากคนด้านข้าง มืออีกข้างที่ว่างอยู่ถูกเลื่อนมาปิดใบหน้ามน ที่ตอนนี้เริ่มจะขึ้นสีมากขึ้นเรื่อย ๆ ซีวอนจ้องคนเป็นพี่ตาไม่กระพริบ คำตอบที่เขาได้รับทำให้เขาอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก....แต่ทั้ง ๆ ที่ทำอะไรไม่ถูก....ริมฝีปากกลับยกยิ้มขึ้นมาเองอย่างช่วยไม่ได้...
...ผมไม่ได้ฟังผิดไปใช่มั้ย?...
...ที่พี่....อยากให้พวกเราอยู่เคียงข้างกัน...
...พี่พูดจริงใช่มั้ย?...
“แต่ฉันว่า....ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ขอพรจากดาวตก....นายก็จะอยู่เคียงข้างฉันใช่มั้ย?” ฮันกยองพูดขึ้น แต่ใบหน้านั้นกลับก้มงุดอยู่เช่นเดิม นัยน์ตาคมยังคงจ้องมองฮันกยองเช่นเดิม ก่อนจะกระชับมือที่จับกันอยู่นั้นให้แน่นขึ้น เป็นเชิงตอบคำถามนั่น
“ฮะ...ผมจะอยู่เคียงข้างพี่เสมอ..."
나 언제까지나 이렇게
ผมจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
“พี่ฮะ....ผมมีเรื่องจะบอก” ฮันกยองเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ดวงตาของทั้งคู่สบตากัน ซีวอนสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ อยู่สองสามครั้ง เมื่อรวบรวมความกล้าได้แล้ว ร่างสูงก็จะบอกสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ แต่ก็ต้องเงียบไป เพราะคนเป็นพี่พูดดักขึ้นมาก่อน
“นายจะพูดเรื่องเมื่อตอนนั้นใช่มั้ย?” ฮันกยองถามขึ้น ซีวอนสะอึกเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเป็นการตอบ และเตรียมตัวพูดอีกครั้ง แต่ก็ถูกเสียงหวานกึ่งทุ้มพูดดักขึ้นมาอีก
“ฉันรู้....ว่านายจะบอกอะไรกับฉัน...” ฮันกยองพูดโดยไม่ได้หันไปมองซีวอน ร่างสูงมองคนด้านข้างอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็เงียบลง เพราะเห็นรอยยิ้มของฮันกยอง และดูท่าคนตรงหน้าจะพูดอะไรบางอย่าง
“นายไม่ต้องบอกเรื่องนั้นกับฉันก็ได้นะซีวอน....”
“........”
“ไม่จำเป็นต้องพูดหรอกนะ....แค่นายทำตัวเหมือนอย่างเคย....”
“........”
“ฉันว่าฉันก็เข้าใจแล้วละ....เพราะการกระทำของนายมันบอกให้ฉันรู้แล้วล่ะ....”
“........”
“เพราะฉัน....ก็อยากจะอยู่เคียงข้างนายตลอดไปเหมือนกัน...”
ใบหน้ามนหันมาสบตากับร่างสูง พร้อมกับส่งรอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้ใครต่อใครหลงรัก ซีวอนตาเบิกกว้างกับสิ่งที่ฮันกยองพูด แต่ก็เปลี่ยนมาเป็นยิ้มอย่างมีความสุขและดีใจเป็นที่สุด
...พี่พูดจริง ๆ ใช่มั้ย?....
...พี่อยากจะอยู่เคียงข้างผมตลอดไปจริง ๆ ใช่มั้ย?....
มือหยาบที่กุมมือบางไว้คลายออก และเปลี่ยนเป็นดึงคนที่อยู่เคียงข้างเข้ามาในอ้อมกอด จมูกโด่งได้รูปฝังลงไปที่เรือนผมนุ่มของฮันกยอง ก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ฮันกยองรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ถูกกอดไว้แน่น แต่ความอบอุ่นจากกายสู่กาย และความอ่อนโยนที่ซีวอนส่งมาให้ ทำให้ความรู้สึกอึดอัดนั่นจางหายไป ฮันกยองเผยยิ้มออกมา ก่อนจะเลื่อนวงแขนของตัวเองกอดตอบคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน
...เพราะว่าพี่เป็นคนที่อบอุ่นแบบนี้...
...เพราะว่าพี่...เป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากที่สุด...
...และอีกหลายอย่าง...ที่ผมไม่อาจจะบอกได้....
...ถึงแม้ว่า....พี่อาจจะทำเรื่องแย่ ๆ ไว้บ้าง....
...มีบางเรื่อง...ที่พี่อาจจะทำให้ผมไม่พอใจ....
...แต่นั้นก็เพราะว่า....พี่ก็คือพี่....
...ผมเลยเผลอมอบหัวใจดวงนี้....ให้พี่ไปทั้งหมดแล้ว....
So…I love you…
ดังนั้น...ผมจึงรักคุณ
“ผมรักพี่นะ....พี่ฮัน....”
THE END ^ ^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น